ภารกิจที่ 3/2
หาโวาหาร 9 ชนิด จากวรรณคดีนิราศของตัวเอง อย่างละ 1 โวหาร พร้อมอ้างอิงหน้า
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
หาโวาหาร 9 ชนิด จากวรรณคดีนิราศของตัวเอง อย่างละ 1 โวหาร พร้อมอ้างอิงหน้า
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
1. อุปมาโวหาร คือ การใช้โวหารเปรียบเทียบ ประกอบข้อความ เพื่อให้ผู้อ่าน
เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้เข้าใจเรื่องราวได้แจ่มแจ้ง
การใช้อุปมาโวหารนี้มีลักษณะการใช้หลายลักษณะ
๔๙ นกหว้าหน้างามลาย คือดาวรายพรายเพริศเพราะ
เที่ยวกินถิ่นลำเนา พาคู่เคล้าเฝ้าชมกัน
ฯ
นกหว้าหน้าเปรียบแต้ม ตรูเฉลา
ตัวลายพรายดาวเพรา เพริศหน้า
เที่ยวกินถิ่นลำเนา เคยอยู่
เคียงคู่เคล้าเฝ้าหล้า เก็บลิ้มเล็มกิน ฯ
2. อุปลักษณ์โวหาร คือ การเปรียบว่าสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
โดยนำสิ่งสองสิ่งที่ต่างจำพวกกันแต่มีลักษณะเด่นเหมือนกันมาเปรียบเทียบกันเช่นเดียวกับอุปมา
และใช้คำที่แสดงความเปรียบว่า เป็น คือ
๔๑ ป้องข่างอย่างปึ้งก่า มาแปลกกันมันรู้บิน
๔๑ ป้องข่างอย่างปึ้งก่า มาแปลกกันมันรู้บิน
เหนียงในใต้คางกิน อาหารได้ไป่รู้เลย
ฯ
ป้องข่างอย่างปึ้งก่าคล้าย โดยถวิล
แปลกแต่รู้แบนบิน ไล่ขู้
เหนียงในใต้คางกิน สัตว์เสพย์
อาหารใดไป่รู้ ห่อนแจ้งใจเลย
3.อติพจน์โวหาร คือ โวหารที่กล่าวเกินความจริง เพื่อสร้างและเน้นความรู้สึกและอารมณ์ ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ภาพพจน์ชนิดนี้นิยมใช้กันมากแม้ในภาษาพูด เพราะเป็นการกล่าวที่ทำให้เห็นภาพได้ง่ายและแสดงความรู้สึกของกวีได้อย่างชัดเจน
๗๒.
กล้วยไม้ห้อยต่ำเตี้ย นมตำเรียเรี่ยทางไป
หอมหวังวังเวงใจ ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมเหลียว
ฯ
กล้วยไม้ห้อยย้อยคลี่ ดวงไสว
นมตำเรียรายไป กลิ่นกล้า
หอมหวังวังเวงใจ รสราค
ว่ากลิ่นแก้วแล้วข้า หยุดยั้งแลเหลียว ฯ
4. บุคคลวัตโวหาร หรือบุคลาธิษฐาน คือ การสมมุติสิ่งไม่มีชีวิต พืช สัตว์
หรือความคิดที่เป็นนามธรรมให้มีความคิด ความรู้สึกและแสดงออกเหมือนมนุษย์
๗๒.
กล้วยไม้ห้อยต่ำเตี้ย นมตำเรียเรี่ยทางไป
หอมหวังวังเวงใจ ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมเหลียว ฯ
กล้วยไม้ห้อยย้อยคลี่ ดวงไสว
นมตำเรียรายไป กลิ่นกล้า
หอมหวังวังเวงใจ รสราค
ว่ากลิ่นแก้วแล้วข้า หยุดยั้งแลเหลียว ฯ
5. สัทพจน์โวหาร คือ ภาพพจน์ที่เลียนเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงดนตรี
เสียงสัตว์ เสียงคลื่น เสียงลม เสียงฝนตก เสียงน้ำไหล ฯลฯ
การใช้ภาพพจน์ประเภทนี้จะทำให้เหมือนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ
๕๒ ดู
หนู สู่ รู งู งู สุด สู้ หนู
สู้ งู
หนู งู สู้ ดู อยู่ รูป งู ทู่ หนู
มู ทู ฯ (กาพย์เลื่อนล้า)
ดู งู ขู่ ฝูด ฝู้ พรู
พรู
หนู สู้ รู งู งู สุด สู้
งู สู้ หนู หนู สู้ งู อยู่
หนู รู้ งู งู รู้ รูป ทู้ มู ทู
(โคลงบาทเลื่อนล้า)
6. ปฏิพากย์ หรือ ปรพากย์ คือการใช้ถ้อยคำที่มีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกันมากล่าว อย่างกลมกลืนกันเพื่อเพิ่มความหมายให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
๑๐๔ เถาวัลย์พันพฤกษา ถีบชิงช้าช้าแกว่งไกว
ทำเพลงวังเวงไพร ส่งเสียงเรื่อยเฉื่อยละคอนเครง
ฯ
เถาวัลย์พันไม้หย่อน ลงมา
สาวนั่งถีบชิงช้า ห่วงห้อย
ทำเพลงวังเวงอา รมณ์ชื่น
เสียงส่งเพราะดอกสร้อย ฉ่ำร้องละคอนเครง ฯ
7. ปฏิรูปพจน์ เป็นโวหารภาพพจน์ อย่างหนึ่งที่อ้างถึงหรือกล่าวถึงโดยนัยหรือโดยตรงซึ่งบุคคล
สถานที่ เหตุการณ์ งานทางวรรณกรรม เรื่องราวลี้ลับ งานศิลปะ พบได้ในทุกภาษาไม่ใช่แค่ภาษาไทย
๑๐๘ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ไชยเชษฐสุริย์วงศ์เพียร
แต่งไว้ให้สถิตเสถียร จำเนียรกาลนานสืบไป
ฯ
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์เจ้า ทรงเขียน
ไชยเชษฐสุริย์วงศ์เพียร เลิศหล้า
แต่งไว้ให้สถิตเสถียร ในโลกย์
จำเนียรกาลนานช้า อ่านอ้างสรรเสริญ
ฯ
8. ปฏิปุจฉา ( rhetorical question ) หรือ คำถามเชิงวาทศิลป์ คือ การตั้งคำถามแต่มิได้หวังคำตอบ หรือ ถ้ามีคำตอบก็เป็นคำตอบที่ทั้งผู้ถามเเละผู้ตอบรู้ดีอยู่เเล้ว นักเขียนจะใช้คำถามเชิงวาทศิลป์เพื่อเร้าอารมณ์ผู้อ่าน หรือสื่อความหมายเเละข้อคิดที่ต้องการ
๑๐๗ จบเสร็จชมนกไม้ ในแหล่งไพรพนัศสถาน
หญิงชายฟังสำราญ ที่ผิดอ่านวานแต้มเขียน
ฯ
จบเสร็จชมนกไม้ โคลงการ
ชมแหล่งไพรพนัศสถาน เถื่อนกว้าง
หญิงชายชื่นชมบาน ใจโลกย์
ใคร่อ่านวานเติมบ้าง ช่วยแต้มเขียนลง
ฯ
9. นามนัย คือ การเปรียบเทียบโดยการใช้คำหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติที่เป็นจุดเด่น หรือลักษณะสำคัญ ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือการกล่าวถึงส่วนใดส่วนหนึ่งของสิ่งใด ๆ มากล่าวแทนคำที่ใช้เรียก สิ่งนั้นโดยตรง เป็นภาพพจน์ที่ใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำธรรมดา ๆ ซ้ำซาก
๑๐๖ ลางนางอาบน้ำท่า ทาขมิ้นเหลืองพึงชม
ทาแป้งแกล้งหวีผม ผัดหน้านวนยวลใจชาย
ฯ
บางนางตักน้ำท่า อาบองค์
ขัดขมิ้นเหลืองบรรจง ลูบน้ำ
หวีเกล้าเอาเทริดทรง ผมปีก
ผัดหน้านวนงามล้ำ ยั่วเย้าใจชาย
ฯ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น